ขับเคลื่อนธุรกิจ ด้วย 5 เทรนด์
ขับเคลื่อนธุรกิจ ด้วย 5 เทรนด์ ให้เป็นปีแห่ง “Speed – More Content – Hypertargeting” กล่าวได้ว่าในปัจจุบันนั้นเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นในชีวิตประจำวันของเรา ไม่เว้นแม้แต่การทำธุรกิจ หรือการทำการตลาด และสื่อต่างๆ
ซึ่งในปี 2020 ได้ชื่อว่าเป็นปีแห่งเทคโนโลยี 5G ที่พร้อมจะสร้าง Impact ต่อภาคธุรกิจ วันนี้เราเลยจะมานำเสนอ 5 เทรนด์ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนธุรกิจ กลยุทธ์ทางการตลาด-การขาย และการใช้สื่อในการสื่อสารว่าเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย
1. Embracing Technology 5G: ทุกอย่างง่ายขึ้น-เร็วขึ้น
การเกิดขึ้นของเทคโนโลยี 5G ทั้งฝั่งโลกตะวันตก และโลกตะวันออก โดยเฉพาะประเทศที่จุดชนวนให้ “5G” ขยายอย่างรวดเร็ว คือ “จีน” เพราะด้วยเทคโนโลยี และการพัฒนา Hardware – Software ให้รองรับ ในราคาที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้ย่อมทำให้การเข้าถึง และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และดีขึ้น
รวมทั้งเทคโนโลยีบางอย่างที่เดิมทีมีการใช้งานอยู่ในวงจำกัด เช่น AR, VR ก็ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ในวงกว้าง ขณะเดียวกันเทคโนโลยี 5G จะทำให้ผู้บริโภคสามารถตอบสนองต่อสื่อดิจิทัลได้ง่าย รวดเร็วขึ้น และเชื่อมต่อได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างแท้จริง เช่น สามารถดาวน์โหลดคอนเทนต์ดิจิทัลได้เร็วขึ้น
2. More Content, Less Time: ดึงความสนใจผู้บริโภคอย่างไรในยุคคอนเท้นต์ล้น
สิ่งที่ตามมาจากการเกิดขึ้นของ “5G” คือ “คอนเทนต์มากขึ้น” เพราะเมื่อผู้บริโภคเข้าถึง และเชื่อมต่อเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้น – เร็วขึ้น จะเห็นบนแพลตฟอร์มดิจิทัล มีคอนเทนต์มากมายวิ่งเข้าหาผู้บริโภค แต่ในทางกลับกันเราทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่าเดิม นั่นหมายความว่า Effectiveness ของคอนเทนต์จะเริ่มน้อยลง
เนื่องจากมีคอนเทนต์ใหม่เติมเข้ามาตลอดเวลา ดังนั้นเพื่อให้คอนเทนต์นั้นๆ สามารถตอบโจทย์ objective ของแบรนด์ แบรนด์ควรจะวางแผนการทำคอนเทนต์ให้เป็น “Tailored Content” ให้ตอบโจทย์ความจำเพาะเจาะจงของกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยใช้ Big Data และเครื่องมือเข้ามาช่วย
ขณะเดียวกันแบรนด์ควรบริหารจัดการว่าจังหวะไหน เวลาใด และคอนเทนต์แบบไหนควรนำเสนอในรูปแบบ Short form content และแบบ Long Form Content ที่สำคัญ แบรนด์ต้องพึงตระหนักว่า กลยุทธ์ด้านคอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จในเมื่อวาน หรือวันนี้ ก็อาจไม่ใช่สูตรสำเร็จสำหรับการวางแผนคอนเทนต์ในอนาคต เพราะความที่พฤติกรรม และเทคโนโลยี dynamic มาก แบรนด์ต้องปรับตัวตลอดเวลา
3. Hypertargeting – Super Audience Segmentation: เจาะจงที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
ไม่ใช่แค่ Segmentation ธรรมดาทั่วไปอีกแล้ว แต่ผลจากยุคแห่ง Data และเทคโนโลยี AI และ Algorithm ทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึง และเก็บข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริโภคได้จากหลายแหล่ง และเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก เช่น ไลฟ์สไตล์, พฤติกรรม, ความสนใจ, กิจกรรม ฯลฯ
ที่สำคัญทำ Data ที่มีนั้นให้เป็น “Humansing Data” คือ การทำ Data ให้มีตัวตน หรือมีความเป็นมนุษย์ ที่เป็นข้อมูลที่ทำให้นักการตลาด นักโฆษณา เจ้าของแบรนด์ สามารถเข้าใจความรู้สึกนึกคิด หรืออารมณ์ของผู้บริโภคได้
สิ่งที่ตามมาจากการเข้าถึง Data ทำให้นักการตลาด นักโฆษณา เจ้าของแบรนด์สินค้า–บริการ สามารถวางแผนการตลาด วางแผนโฆษณา และสื่อ รวมถึงแผนการขายได้แบบ “Hypertargeting”
และไม่ใช่แค่ใช้เฉพาะกับการวางแผนสื่อออนไลน์ หรือสื่อดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังสามารถเชื่อมโยงกับการวางแผนสื่อออฟไลน์ได้เช่นกัน เพราะสำหรับผู้บริโภคบางกลุ่ม บางคนยังเปิดรับคอนเทนต์ผ่านสื่อออฟไลน์อยู่ โดยสามารถวางแผนสื่อ ทั้งดิจิทัล และออฟไลน์ได้แบบเฉพาะเจาะจง
4. e-Commerce is Still a Hot Topic as Skyrocketing in Thailand: ดิจิทัลสร้างพฤติกรรมการซื้อ “Impulse Purchase” เห็นปุ๊ป ซื้อปั๊ป ซื้อง่ายทันทีด้วยปลายนิ้ว
นอกเหนือจากการเข้าถึงคอนเทนต์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้นแล้ว ผู้บริโภคยังสามารถจบการซื้อได้ง่ายด้วยปลายนิ้ว ทั้งบนแพลตฟอร์ม e-Commerce เช่น LAZADA, Shoee, JD / Social Commerce เช่น Instagram และ Conversational Commerce เช่น LINE, Facebook Messenger โดยมีระบบขนส่ง และการจ่ายเงินออนไลน์ที่รองรับ ทำให้ในปี 2020 e-Commerce ยังคงมีอัตราการเติบโตที่สูงมากขึ้นในไทย
สิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตผลจากการบูมของ “e-Commerce” ในประเทศไทย ได้สร้างพฤติกรรมการซื้อแบบ “Impulse Purchase” คือ เห็นแล้วตัดสินใจซื้อทันที และของชิ้นนั้นอาจไม่ได้อยู่ในการวางแผนซื้อมาก่อนด้วยซ้ำ! แน่นอนว่าในการทำการตลาด เป้าหมายใหญ่ที่ทุกแบรนด์ต้องการคือ “conversion ด้านการขาย”
ที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าของแบรนด์ให้ได้ในที่สุด ดังนั้น ช่องทาง e-Commerce จึงเป็นแพลตฟอร์มการขายสำคัญที่จะทำแบรนด์ไม่พลาดโอกาส “ปิดการขายให้ได้เร็ว”
5. Mobile Payment is a New Norm of Thailand: จิ๊กซอว์สำคัญของแบรนด์ และอีคอมเมิร์ซ
เวลานี้ประเทศที่ระบบ Mobile Payment พัฒนาไปไกล และถือเป็นผู้นำด้านนี้ คือ ประเทศจีน โดยถือเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลจีนที่ต้องการผลักดันประเทศไปสู่ cashless society ด้วยการใช้เทคโนโลยี QR Code มาทำให้การทำธุรกรรมทางการเงินง่าย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
และปัจจุบันเทคโนโลยีการชำระเงินดิจิทัลของจีน มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา เช่น Facial Recognition หรือการสแกนใบหน้า เพื่อยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมทางการเงิน
กลับมาที่ประเทศไทย ถ้าพูดถึง “Mobile Payment” เมื่อ 5 ปีที่แล้ว นับว่าเป็นส่ิงใหม่สำหรับสังคมไทย และคนไทย แต่ปัจจุบันด้วยต้นทุนการบริหารเงินสด ภาครัฐ และสถาบันการเงิน บวกกับเทคโนโลยี ได้พยายามผลักดัน และเปลี่ยนพฤติกรรมการทำธุรกรรมทางการเงินของคนไทย ให้เป็น Mobile Payment มากขึ้น
ยิ่งการเติบโตของ e-Commerce และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้การทำธุรกรรมบนมือถือ เป็นเรื่องที่ผู้บริโภคยอมรับ และคุ้นเคย เรียกได้ว่ากลายเป็น New Norm ของสังคมไทยไปแล้ว อีกทั้งยังเป็นปัจจัยผลักดันให้เกิดการเติบโตของสื่อดิจิทัลในภาพรวม
จากทั้งหมดทั้ง 5 เทรนด์ที่ได้บอกกล่าวกันไปนั้นจะทำให้ทุกคนได้เห็นภาพว่าการวางแผนธุรกิจ แผนการตลาด การขาย และการวางแผนทางด้านสื่อนั้นต้องมองให้ครบทุกด้าน เพื่อการวางแผนและการดำเนินงานตามอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งนำความสำเร็จมาสู่ธุรกิจของได้อย่างแน่นอน
กิมจิ กับ 6 ประโยชน์ที่มีคุณค่าทางสารอาหาร หลายคนคงคุ้นเคยกันบ้างกับ “กิมจิ” เครื่องเคียงผักดอง สไตล์เกาหลีที่นิยม กันมากในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการทานตามซีรีส์ที่ดู หรือชอบเป็นส่วนตัว หรือเป็นเครื่องเคียงที่เสิร์ฟคู่มากับอาหารที่สั่ง
บทความที่น่าสนใจ : ดู 6 ซีรีส์เกาหลี จนไม่อยากหนีไปไหน!